พูดถึง “Till Death” ปี 2021 นี่เรื่องนี้มันไม่ธรรมดา แล้วถ้าหากคุณกำลังมองหาหนังที่จะทำให้คุณนั่งไม่ติดเก้าอี้และใจสั่นระรัว นี่แหละคือหนังที่คุณต้องดู ความระทึกขวัญที่มาพร้อมกับความลึกลับและการเอาชีวิตรอดที่เราไม่รู้จะไว้ใจใครดี อารมณ์หนังมันทำให้ฉันไม่อยากกระพริบตาเลยแม้แต่วินาทีเดียว! โอ้โห มันเหมือนกับเครื่องเล่นสุดหวาดเสียว ที่เราตัดสินใจขึ้นไปแล้วไม่มีทางลงจนกว่ามันจะจบลง
“เมแกน ฟ็อกซ์” กลับมาแล้ว พร้อมกับความเซ็กซี่และความมันส์ที่จะทำให้แม้แต่นรกยังต้องสะดุ้ง! และเรื่องราวความรักที่จะผูกพันคุณไว้จนถึงลมหายใจสุดท้ายเลยทีเดียว งานล่าสุดนี้เป็นผลงานจากมือเขียนบทของ The Conjuring 2 (2016) และ The Conjuring: The Devil Made Me Do It (2021) ที่ตอนนี้เขามารับบทโปรดิวเซอร์ให้กับหนังสยองขวัญที่เร้าใจสุดๆ และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย ด้วยคะแนนจาก Rotten Tomatoes ที่สูงถึง 89% ใครที่เป็นแฟนหนังสยองขวัญต้องไม่พลาด! เตรียมตัวสำหรับประสบการณ์ที่ทั้งหนาวยะเยือกและตื่นเต้น ที่ไม่มีทางหนี ไม่มีทางรอด มีแค่ต้องหาทางรอด…จนกว่าจะตายเท่านั้น
เล่าเรื่องราวของเอ็มม่า (รับบทโดยเมแกน ฟ็อกซ์) ตอนแรกเธอคิดว่าการได้ชายหนุ่มมาดูแลชีวิตนี่แหละ คือความโชคดีสุดๆ แต่พอเวลาผ่านไป เอ็มม่ากับสามีของเธอ มาร์ก (รับบทโดย อีออยน์ แม็กเดน) กลับเจอวิกฤตในความสัมพันธ์ ค่อยๆ มองไม่เห็นอนาคตของพวกเขาเลยครับ เจอกันที่วันครบรอบแต่งงานกำลังจะมาถึง มาร์กเลยคิดทำเซอร์ไพรส์ให้เอ็มม่า หลับตาเธอเอาไว้แล้วขับรถพาไปสถานที่ที่เธอไม่รู้จักเลย
เอ็มม่ารู้สึกลำบากใจและเป็นกังวลหนัก เพราะลึกๆ เธอรู้ว่าตัวเองมีความสัมพันธ์ลับๆ กับทอม (รับบทโดย เอม เอมีน) ซึ่งเป็นลูกน้องของมาร์กด้วยซ้ำ แต่พอเอ็มม่าถึงที่หมายที่มาร์กพาเธอมานั้น เธอก็ต้องประหลาดใจ เพราะพบว่ามาร์กพาเธอมาที่บ้านพักตากอากาศที่ว่า ตอนนี้หิมะปกคลุมไว้หนาเตอะจนพื้นที่รอบๆ บ้านกลายเป็นน้ำแข็งหมดเลยครับ เอ็มม่าเห็นว่าภายในบ้านตกแต่งด้วยกลีบกุหลาบ และวันครบรอบก็จบลงอย่างสวยงาม คู่รักทั้งสองดื่มไวน์ฉลองกันในบรรยากาศที่อบอุ่นและมีความสุขมากๆ
ตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เอ็มม่าต้องเผชิญกับฉากที่ทำให้เธอตกใจสุดขีด เธอพบว่าตัวเองถูกล่ามกุญแจมือไว้กับมาร์ก ในขณะที่เธอยังรู้สึกงัวเงียเหมือนคนเพิ่งตื่น ภาพที่เธอเห็นต่อไปกลายเป็นฝันร้าย เมื่อมาร์กหยิบปืนขึ้นมาจ่อที่ขมับตัวเองแล้วยิง ปล่อยให้เอ็มม่าเห็นสมองของเขากระจายตรงหน้าเธอ ทิ้งไว้ให้เธอเต็มไปด้วยคำถามและความสงสัยลึกๆ ว่าทำไมมาร์กถึงเลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง เพราะจากที่เห็น เขามีธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและทรัพย์สินมากมาย แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเอ็มม่ามีความสัมพันธ์กับคนอื่น ก็ไม่น่าจะตัดสินใจทำแบบนี้ อะไรกันนะที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวการตายปริศนานี้?
เอ็มม่าพบตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเหลือเชื่อทีเดียว เมื่อเธอต้องลากซากศพของสามีไปทั่วบ้านเพื่อหาทางหลุดพ้น แน่นอนว่าเธอต้องมองหาวิธีที่จะตัดกุญแจมือที่ล่ามเธออยู่ออก ซึ่งอาจรวมถึงการตัดสินใจที่สุดกระท่อนกระแท่น เช่น การหั่นมือของสามีเพื่อให้เธอสามารถปลดปล่อยตัวเอง แต่ทุกอย่างไม่ง่ายเหมือนที่เธอคาดคิดเลย ค่อยๆ เธอเริ่มเห็นภาพชัดขึ้นว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ มาร์กวางแผนมาอย่างดีตั้งแต่ต้น! และที่แย่กว่านั้น คือ มีเรื่องร้ายๆ ที่เอ็มม่าไม่เคยคิดถึงกำลังจะเกิดขึ้นกับเธอ
เราว่าหนังมันเหมือนกับรถไฟเหาะที่มีเพียงที่นั่งเดียว พาเราผ่านความมืดมนและระทึกขวัญที่ยากจะลืมเลือน เราชอบที่หนังไม่ได้แค่พาเราไปเท่านั้น แต่มันยังท้าทายความคิดเห็นของเราเกี่ยวกับความสัมพันธ์และสิ่งที่เราต้องเผชิญในชีวิต การแสดงของ Megan Fox นี่แหละที่เป็นเครื่องยืนยันว่าเธอนั้นไม่ได้มีดีแค่หน้าตา แต่ยังท่วมท้นด้วยพลังแสดงที่ทรงเสน่ห์จริงๆ
เรื่องนี้เป็นการกลับมาของเมแกน ฟ็อกซ์ ในบทบาทหนังระทึกขวัญสยองขวัญที่จะทำให้คุณนั่งไม่ติดเก้าอี้เลยล่ะ ในเรื่องนี้ เธอต้องเจอกับเหตุการณ์สุดระทึกที่ทำให้เธอต้องเลือกเพียงสองทาง นั่นคือ การตายหรือลุกขึ้นสู้เพื่อชีวิตของตัวเอง และบอกเลยว่า เมแกนสามารถส่งมอบพลังอารมณ์และการแสดงที่สุดยอดมากๆให้กับเราได้เห็น!
ฉากหลักๆ นั้นเกิดขึ้นในบ้าน และพื้นที่รอบๆ ที่ถูกหิมะปกคลุม สร้างบรรยากาศสยองขวัญและการผจญภัยเพื่อการเอาชีวิตรอดที่น่าตื่นเต้นมากๆ เลยล่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฉากแรกๆ ที่บ้านริมทะเลสาบ ซึ่งความลึกลับยังคงห่อหุ้มเรื่องราว ทำให้ผู้ชมรู้สึกอยากรู้และสงสัยว่าเรื่องราวจะพาไปสู่ทิศทางไหน การเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ยังไม่รู้จักนี้สร้างความตื่นเต้นและความอยากดูต่อให้กับผู้ชมไม่น้อยเลยทีเดียว
ในเรื่องนี้บทสร้างความน่าตื่นเต้นด้วยการหักมุมและซีนเซอร์ไพรส์ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกลุ้นและคาดเดาไม่ถูกเลย โดยเฉพาะการที่ตัวละครมีหลากหลายบุคลิกซึ่งดึงดูดให้เราติดตาม เราอาจจะรู้สึกสงสารมาร์คที่ดูเหมือนว่าเอ็มม่าทรยศเขา แต่ถ้ามองลึกลงไป มาร์คก็ไม่ใช่คนดีเสมอไป กลับเป็นคนที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัว ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของตัวเอง และเขาเองก็มีชู้ก่อนที่เอ็มม่าจะเริ่มคบกับทอมเสียอีก สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นจากคำพูดของเอ็มม่าที่บอกเลยว่า “ทำไมต้องซักสีลิปสติกออกจากเสื้อเชิ้ตของมาร์คทุกวันๆ ด้วย” ทำให้เราเห็นมุมมองอื่นและมีพื้นที่ให้ตีความเรื่องราวได้หลายแง่มุมเลย
แต่ก็ต้องบอกจริงๆ ว่าหนังมีช่วงที่ลากยาวไปหน่อย ทำให้ความรู้สึกตึงเครียดนั้นชะลอตัว แต่ก็ไม่ถึงกับรู้สึกหงุดหงิดนะ จุดที่หนังเริ่มเปิดเผยม่านความลึกลับนี่แหละที่ทำให้เราสามารถยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบเหล่านั้นได้ เพราะรู้ว่ามันจะนำไปสู่จุดจบที่พีคสุดๆ
การนำเสนอเรื่องราวนั้นอาศัยนักแสดงที่มีพลังและการแสดงที่สามารถดึงดูดใจผู้ชมได้อย่างลึกซึ้งอย่าง Megan Fox รับบทเป็น Emma ผู้ที่ต้องเผชิญกับความรุนแรงและเล่ห์เหลี่ยมของสามีที่ตายแล้ว การแสดงของเธอสามารถสะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความเปราะบางได้พร้อมๆ กัน Eoin Macken รับบทเป็น Mark สามีที่ตายไปแล้วของ Emma ที่ทิ้งปริศนาให้เธอและกับดักที่ทำให้เธอต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด Callan Mulvey รับบทเป็น Bobby Ray หนึ่งในโจรที่เข้าไปในบ้านที่ห่างไกลและเพิ่มความเสี่ยงและความตึงเครียดให้กับเรื่องราว Jack Roth รับบทเป็น Jimmy ตัวละครนี้เป็นหนึ่งในโจรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่ Emma ต้องเผชิญและมีบทบาทในการเป็นอุปสรรคที่เธอต้องปราบ ตัวละครเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นอย่างมีชีวิตชีวาและมีบทบาทสำคัญในการเล่าเรื่อง แต่ละคนล้วนมีความลับและแรงจูงใจของตัวเอง เป็นหนังที่ไม่ใช่แค่เรื่องของการเอาชีวิตรอด แต่ยังเกี่ยวกับการสำรวจสิ่งที่แต่ละคนเต็มใจทำเพื่อความรัก ความจงรักภักดี และความยั้งคิด
ออกจากเมืองหลวงพุ่งตัวไปท่ามกลางหิมะขาวโพลนใน แล้วเจอกับบรรยากาศเยือกเย็นที่ว่าน่ากลัวยังไงหรอ? ก็มีห้องที่เทียมแสงแดดไม่ทันบวกกับรูปภาพแตกสลายเต็มไปหมด แถมห้องนั้นๆ ยังเต็มไปด้วยเงาความมืดและความลับที่ถูกซ่อนเอาไว้ หนังมันจัดฉากให้ทุกอย่างดูหม่นหมองไปหมด ทำให้รู้สึกถึงอารมณ์อันหนักหน่วงตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องเลยล่ะ
ฟังดูเหมือน Till Death นี้มันจะถอยกลับไปสู่ยุคสมัยที่หนังระทึกขวัญยังต้องพึ่งแต่เล่ห์กล แต่พอดูไปดูมา มันกลับเป็นการผสมผสานความคลาสสิคเข้ากับเทคนิคร่วมสมัยที่ทำให้เรื่องราวน่าดูขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ กลายเป็นว่าพล็อตที่ดูเชยๆ กลับทำให้คุณจดจ่ออยู่กับหน้าจอได้ตลอดเวลาเลยนะเนี่ย
สำหรับผมนะครับ “Till Death จนกว่าจะตาย” อาจจะดูเป็นหนังที่ไม่มีอะไรซับซ้อนมากนัก ง่ายๆ เข้าใจง่าย และอาจจะไม่ได้มีปริศนาลึกลับอะไรเยอะแยะ แต่ถ้ามองภาพรวมและคะแนนโดยประมาณแล้วนะครับ มันก็เป็นหนึ่งในหนังระทึกขวัญที่น่าจับตามองเหมาะสำหรับการหยิบมารับชมเพื่อผ่อนคลายในช่วงเวลาว่างๆ ดีทีเดียวครับ