ไทบ้าน x BNK48 จากใจของสาวหนึ่ง นี่คือภาพยนตร์ที่ร่วมมือกันระหว่างทีมงานของไทบ้านและ บีเอ็นเค48 เรื่องนี้เล่าเรื่องราวของวงเกิล์ลกรุ๊ฟที่กำลังจะเดินทางสู่สายตาลาย ผู้บริหารจึงตัดสินใจที่จะนำเสนอเพลงใหม่ในแนวลูกทุ่งอีสานที่กำลังได้รับความนิยมในสมัยนี้ และเห็นความสำคัญที่สาว ๆ บีเอ็นเค48 จะได้เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของอีสานจริงๆ ก่อนที่จะเข้าถึงแรงบันดาลใจที่อยู่ในเพลง การเจรจากันเกี่ยวกับค่าตอบแทนที่เหมาะสม นำไปสู่ความสนุกสนานและมิตรภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างสมดุล
BNK48 เป็นค่ายอีกแห่งที่สร้างความประทับใจให้กับเราอย่างต่อเนื่อง โดยการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของไอดอลให้สดใสและเป็นไปในแนววัยรุ่นของเมืองไทย เพลงประจำตัวอย่างเช่น “Koisuru Fortune Cookie” หรือ “คุกกี้เสี่ยงทาย” ก็เป็นเพลงที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในวงการและเป็นที่รู้จักของแก๊ง บีเอ็นเค48 ต่อมาก็มีโปรเจกต์ด้านภาพยนตร์ภายใต้ชื่อของบริษัท บีเอ็นเค48 Film ที่ได้เปิดเส้นทางใหม่ให้ตัวเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยด้านแรงมากหรือด้านมืดของการเป็นไอดอล ในสารคดี “BNK48: Girls Don’t Cry” ที่ร่วมมือกับบริษัท แซลมอน เฮ้าส์ และมีการจัดจำหน่ายโดย GDH 559 ซึ่งเป็นค่ายใหญ่ที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อสองจักรวาลที่แตกต่างกันต้องพบกันบนหน้าจอเดียวกัน หนึ่งคือนักร้องสาวจากกรุ๊ปไอดอลที่เป็นที่รู้จักในยุคนี้ และอีกหนึ่งคือแก๊งหนุ่มจากสุดยอดแดนอีสานของไทบ้าน นั้นกลายเป็นภารกิจที่สำคัญและน่าตื่นเต้นใน “ไทบ้าน x บีเอ็นเค48 จากใจผู้สาวคนนี้” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้วงการเพลงและภาพยนตร์ต้องตื่นเต้นตั้งแต่ต้น และผลลัพธ์ที่ได้นั้นยังได้รับการตอบรับด้านความบันเทิงอย่างเต็มที่
เรื่องราวของสาวๆ บีเอ็นเค48 ที่ต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงในแนวเพลง ซึ่งเป็นกระแสดนตรีที่เริ่มครองใจคนฟังมากขึ้น เนื่องจากแนวเพลงหมอลำลูกทุ่งอีสานกำลังมีความนิยมมากขึ้น ทางสังกัดจึงต้องหาทางในการรับมือกับสถานการณ์นี้ ดังนั้นเพื่อให้สาวๆ ทุกคนได้เข้ากับแนวเพลงใหม่ สังกัดจึงเปิดโปรเจกต์ลับให้กับสาวๆ ทั้ง 8 คน ซึ่งประกอบไปด้วย เนย, โมบายล์, แก้ว, ตาหวาน, น้ำหนึ่ง, น้ำใส, ปูเป้ และ ไข่มุก ให้ไปทำเพลงสำเนียงอีสานกับ เจ๊ก้อง ห้วยไร่
การเดินทางไปฝึกฝนและเก็บตัวที่จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้พวกเขาต้องเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมไทบ้าน โดยมี จาลอด ออกเดอะร็อก มาช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้พวกเขาเข้าใจถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทบ้านเพิ่มเติม แต่เมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับความสดใสและความสนุกของสาวๆ ภารกิจในการสร้างเพลงใหม่ก็กลายเป็นโอกาสที่สร้างมิตรภาพที่อบอุ่น และสร้างความสนุกและความคิดเชิงบวกให้กับชุมชนไทบ้านได้เสมอ
การโลดเศร้าตามความรู้สึกนำ “สุรศักดิ์ ป้องศร” และ “ธิติ ศรีนวล” มาเจอกันในหนังชุด “ไทบ้าน เดอะซีรีส์” กลายเป็นเรื่องที่ท้าทายและน่าตื่นตาตื่นใจ เมื่อผู้กำกับชาวไทยเข้ามาออกแบบเรื่องราวนี้ แม้จะมีความคาดหวังและความพยายามในการทำงาน แต่ก็ยังมีช่องโหว่และปัญหาเดิมๆ ที่เป็นที่รู้จักของหนังไทยทั่วไป โดยเฉพาะในการจัดบทภาพยนตร์และการเล่าเรื่องที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่และมีความยากลำบากในการเข้าถึงความสามารถที่แท้จริงของภาพยนตร์ไทยให้ได้เต็มที่ตามมาตรฐานที่ควรมี
ครั้งนี้ หนังไทบ้านเดอะซีรีส์ได้นำมาสองผู้กำกับคือ สุรศักดิ์ ป้องศร และ ธิติ ศรีนวล มารับใบไม้จาก บีเอ็นเค48 เพื่อนำน้อง ๆ กลุ่มไอดอล 48 มาเล่นในบทบาทฉบับของหนังไทบ้าน ซึ่งเป็นการยกระดับการเผยแพร่เข้าสู่ตลาดที่แตกต่างจากฐานแฟนเดิมของทั้งสองฝ่าย เป็นโปรเจกต์ที่มุ่งหวังที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายได้รับประสบการณ์ที่เพียงจริง ๆ ไม่เพียงแต่นิยมเท่านั้น ซึ่งสำคัญกว่าทุกครั้งนี้เราจะได้พบกับมุมมองใหม่ของน้อง ๆ บีเอ็นเค48 ที่แตกต่างออกไปจากหนังเรื่องก่อนหน้านี้ เช่น น้ำหนึ่ง, ปูเป้, เนย, แก้ว, โมบายล์, น้ำใส, ตาหวาน และ ไข่มุก ของ บีเอ็นเค48 ที่มาเล่นเป็นตัวตนของตัวเองในเรื่องราวที่ถูกสร้างขึ้นแบบสมมติ โดยดูเหมือนแอบอ้างถึงความเป็นจริงไว้บ้าง และในด้านอื่นเรายังได้เห็นดราม่าที่มีให้ติดตามตามความคิดเองของแฟนคลับเหมือนเดิม คุณสมบัติที่ดีคือเราได้เห็นมุมมองที่ใกล้ชิดของผู้บริหารและการทำงานของ บีเอ็นเค48 ในที่สุดด้วยนะ ในครั้งนี้!
แม้ว่าจากเนื้อเรื่องและตัวอย่างหนัง ไทบ้าน x BNK48 อาจดูเหมือนว่าจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับคนเมืองที่ต้องเข้าถึงชีวิตในพื้นที่ประเทศไทยที่แตกต่างกัน ที่หลาย ๆ คนอาจคุ้นเคยจากหนังและละคร แต่ในความเป็นจริง หนังไม่ได้เพียงแค่นำเสนอเรื่องราวของคนเมืองในต่างจังหวัดเท่านั้น หนังยังพาเราไปพบกับวิถีชีวิตของการทำเพลง การร้องเพลง และลูกทุ่ง ที่เป็นเหมือน “การเรียนรู้สิ่งใหม่ในโลกกว้าง” ของ บีเอ็นเค48 ซึ่งตลอดเนื้อเรื่องเราจะได้พบกับการสร้างสรรค์และเบื้องหลังของธุรกิจวงการเพลงที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ และเรื่องดราม่ามากมาย นี่คือสิ่งที่ทำให้หนังนี้มีความน่าสนใจอย่างเพียงพอแล้วว่าเราจะต้องติดตามต่อไป
หนังยังคงเป็นผลงานที่ได้รับการดูแลและสร้างขึ้นโดยทีมงานของ ไทบ้าน เดอะซีรีส์ โดยลักษณะเฉพาะเจ้าของ ไทบ้าน ยังคงปรากฏในหนังอย่างเหมือนเดิม โดยที่การดำเนินเรื่องยังคงเน้นการสะท้อนชีวิตของบุคคลธรรมดา การเคารพวัฒนธรรมอีสาน และการนำเสนอเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ของ ไทบ้าน อย่างแท้จริง นอกจากนี้หนังยังคงผสมเรื่องราวของตัวละครเดิมของ ไทบ้าน และตัวละครใหม่อย่างเชี่ยวชาญและน่าสนใจในแบบฉบับเดียวกัน
เนื่องจากเรื่องราวในหนังถูกสร้างขึ้นโดยการร่วมมือกันระหว่าง บีเอ็นเค48 และ ก้อง ห้วยไร่ ดังนั้นหนังได้รับการจัดเต็มด้วยฉากที่เป็นแฟนเซอร์วิสของโอตะ บีเอ็นเค48 ที่จะให้โอกาสในการเห็นสมาชิกวงที่ทำสิ่งที่แตกต่างจากเดิมอย่างมากมาย ในขณะเดียวกันทางด้าน ไทบ้าน ก็เป็นเหมือนพลอตรอง ซึ่งสามารถสร้างความสนุกสนานและเสียงหัวเราะได้อย่างมีความหมาย แม้ว่าตัวละครจากไทบ้านภาคหลักจะมีบทบาทน้อยเพียง 2-3 ตัวละคร โดยเฉพาะตัวละครของ จ่าลอด ที่สามารถนำความกะล่อนและความตลกออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะฉากที่ต้องแสดงคู่กับสมาชิกของ บีเอ็นเค48 หลายฉากทำให้เราอมยิ้มและหัวเราะไปกับความน่ารักที่โค้ดอย่างสวยงาม โดยเฉพาะเคมีระหว่าง มืด และ โมบาย ที่น่าจะได้รับการประทับใจในความสดใสนี้ไม่น้อย
การแสดงที่เต็มไปด้วยความสามารถและเป็นที่ชื่นชมที่สุดก็คงต้องยกให้ ก้อง ห้วยไร่ ที่มาเป็นตัวละครหลักในภาพยนตร์ “เจ๊ก้อง” ไม่เพียงแค่เขาสร้างเสียงหัวเราะที่น่าติดใจให้กับหนัง แต่การแสดงในฉากดราม่าก็เป็นเรื่องที่เขาทำได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งนี้ยังเป็นการแสดงความสามารถในการร้องเพลงและความรักที่เขามีต่อเพลงลูกทุ่งของตัวเองอย่างน่าประทับใจอีกด้วย การประกอบฉากด้วยความอ่อนโยนและความเข้าใจต่อเพลงลูกทุ่งได้อย่างลงตัว
เมื่อพูดถึงด้านการแสดงของสมาชิก บีเอ็นเค48 นั้น สามารถบอกได้ว่าไม่มีดีแต่ก็ไม่ได้แย่มากเกินไป ทุกคนในวงมีบทบาทที่เป็นตัวเองทั้งหมด ซึ่งข้อดีของการแสดงคือความน่ารักและความสดใสที่ถูกส่งต่อได้อย่างเต็มที่ แต่เมื่อเข้าสู่ส่วนของเนื้อหาดราม่า บางคนก็แสดงไม่ถึงขีดสุดตามที่ควร นับตั้งแต่หนังมีสมาชิก BNK จำนวนมากถึง 8 คน แต่บทบาทที่โดดเด่นจริงๆ มีเพียง 3-4 คนเท่านั้น ซึ่งทำให้บทบาทของบางสมาชิกขาดความเป็นเสน่ห์และความจำเป็นต่อเนื้อเรื่องไปอย่างน่าเสียดาย
พาร์ทดราม่าในช่วงท้ายของหนังเป็นหนึ่งในบาดแผลสำคัญที่ควรพูดถึง เนื่องจากมันมักถูกใช้เพื่อขยี้อารมณ์คนดูไปเกินไป ทำให้ดูไม่สมเหตุสมผลในหลาย ๆ จุด และทำให้เส้นเรื่องที่หนังก่อตั้งไว้อย่างดีตลอดเรื่อง มิฉะนั้น การใช้งานมันล้มเหลวในองค์ประกอบสำคัญของเรื่อง เป็นสิ่งที่ไม่ควรเป็นท่าที่ 3 นั่นเอง
โดยส่วนใหญ่ด้วยองค์ประกอบใหม่ ๆ เช่นไทบ้านและ BNK48 รวมไปถึงก้อง ห้วยไร่ หนังเรื่องนี้เป็นความสนุกและบันเทิงอย่างแท้จริง บางครั้งยากที่จะไม่ได้ยิ้มกับตัวละครทั้งหลาย แม้ว่าบางคราวอาจมีความขาดทุนในบางจุด (ตามสไตล์โรแมนติกและเรียล ๆ แบบไทบ้าน) แต่ก็ไม่เคยทำให้เสียความสนใจหรือเสียด้ายความพอใจของเนื้อเรื่องได้ สำคัญมากๆ ถ้าคุณอยากจะรู้จักกับ BNK48 อย่างเพิ่มเติม นี่เป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาด เพราะคุณจะได้มองเห็นมุมมองใหม่ ๆ ที่เคยไม่เห็นมาก่อน ส่วนสาวกไทบ้านก็ควรจะรีบดูเพราะมันไม่ได้แค่เป็นการต่อยอดจากแฟรนไชส์เก่าๆ แต่ยังเป็นเส้นทางสำหรับหนังใหม่ของไทบ้านด้วย