รีวิวหนังไทย ขุนพันธ์ Khunphan (2016)

oldthaitvธันวาคม 21, 2023
หนังไทย ขุนพันธ์ Khunphan

นักแสดงนำของเรื่อง ขุนพันธ์

อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม รับบทเป็น ขุนพันธ์
กฤษดา สุโกศล โคแวค รับบทเป็น อัลฮาวียะลู
กฤษดา สุโกศล โคแวค รับบทเป็น อัลฮาวียะลู
ภคชนก์ โวอ่อนศรี รับบทเป็น หลวงโอฬาร
ภคชนก์ โวอ่อนศรี รับบทเป็น หลวงโอฬาร
สนธยา ชิตมณี รับบทเป็น ไข่โถ
สนธยา ชิตมณี รับบทเป็น ไข่โถ
กานต์พิสชา เกตุมณี รับบทเป็น มาลัย
กานต์พิสชา เกตุมณี รับบทเป็น มาลัย

เรื่องราวของภาพยนตร์ไทยขุนพันธ์

ครั้งนี้เรามาพบกับภาพยนตร์ไทยที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้คือ “ขุนพันธ์” ในภาคแรกของเรื่องนี้ ภาพยนตร์เรื่อง “ขุนพันธ์” เป็นหนังไทยที่เข้าฉายเมื่อปี พ.ศ. 2559 เรื่องราวนำเสนอชีวิตของขุนพันธ์รักษ์ราชเดช (บุตร พันธรักษ์) ผู้เป็นนายตำรวจที่มีความชำนาญในด้านการใช้เวทมนตร์อาคมเวทย์ และเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นอย่างเฉพาะเจาะจง การแสดงผลบนจอภาพยนตร์นั้นสร้างความตื่นเต้นและน่าติดตามอย่างมากในแง่ของการใช้เทคนิคและเครื่องมือวิเคราะห์สถานการณ์อย่างชาญฉลาดของตัวละครหลักได้อย่างมีคุณภาพและน่าทึ่งที่ไม่แพ้แม้แต่นักสืบระดับมืออาชีพเลยทีเดียว

Khunphan-01

เนื้อเรื่องของภาพยนตร์เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2483 หลังจากเสือกรับคำทองสำเร็จแล้ว ร้อยตำรวจโท ขุนพันธรักษ์ราชเดชได้รับภารกิจที่ต้องไปสืบข่าวเกี่ยวกับอัลฮาวียะลู จอมโจรที่มีความสามารถในการแยกแยะดินแดนและครอบครอง “ไตรภาคี” ที่เชื่อว่ามีพลังพิเศษ ขุนพันธ์ได้ซึ่งตัวเข้าไปอยู่ในหมู่บ้านชาวประมงที่มีผู้นำคือ ไข่โถ และทำงานในสโมสรงาช้างของหลวงโอฬาร ข้าราชการผู้ฉ้อฉลที่หลอกใช้อัลฮาวียะลูเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของตนเอง อัลฮาวียะลูตั้งใจที่จะค้นหาตำรวจสองคนที่รอดชีวิตจากการโจมตีของกองโจรที่เป็นภารกิจของเขา ซึ่งพบว่ายังมีตำรวจคนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่นั้นด้วย ขณะที่ขุนพันธ์ไปพบกับพ่อของอัลฮาวียะลู เขาได้พบว่าในวัยเด็ก อัลฮาวียะลูเคยเคารพบิดาของตนเอง แต่สูญเสียแม่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างพ่อของเขากับตำรวจ ทำให้อัลฮาวียะลูเกลียดและห่างหายจากพ่อของเขาและมีความเกลียดชังต่อตำรวจมาก ดังนั้น เขาก็สร้างกองโจรขึ้นเพื่อครอบครองพื้นที่ในแถบเทือกเขาบูโด ในทางกลับมา ขุนพันธ์ไปพบกับมาลัย น้องสาวของไข่โถ ก่อนที่จะถูกกองโจรของอัลฮาวียะลูซุ่มโจมตี ขุนพันธ์ถูกยิงและหนีไปได้ไหม้เพื่อรอดชีวิตไปก่อนแต่เดียว

Khunphan-07

หลังจากฟื้นคืนจากบาดเจ็บ เมื่อขุนพันธ์ไปพบหลวงโอฬารที่สถานีตำรวจในฐานะสารวัตรคนใหม่ ขุนพันธ์สั่งให้หลวงโอฬารพักราชการในข้อหาที่ถูกสงสัยว่าเป็นผู้ฆ่าจริงๆ ของตำรวจและกองโจร หลวงโอฬารเสนอให้ขุนพันธ์หาหลักฐานที่จะยืนยันให้ได้ภายใน 3 วัน จากนั้น ขุนพันธ์ออกไปปราบชุมโจรต่าง ๆ และประกาศให้โจรทั้งหลายมาลงทะเบียนเลิกเป็นโจรและยอมจับตัวเอง ในขณะเดียวกัน ตำรวจใต้ภูมือขุนพันธ์ แจ้งว่ากองโจรของอัลฮาวียะลูกำลังล้างล้างหมู่บ้านชาวประมงที่เคยช่วยชีวิตขุนพันธ์ไว้ ก่อนที่ขุนพันธ์จะเข้าสู้กับบุหงา ลูกน้องของหลวงโอฬาร และใช้วิชาอาคมเพื่อค้นหาคำตอบจนพบว่า บุหงาต้องทำงานนี้เพราะเป็นหนี้ชีวิตของอัลฮาวียะลู นี่คือความเข้าใจของเหตุการณ์ในเรื่อง “ขุนพันธ์” ของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2483 ที่ได้ยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผลงานภาพยนตร์ไทยที่ทรงพลังและน่าติดตามอย่างมากในทุก ๆ ช่วงเวลา

Khunphan-08

ขุนพันธ์และตำรวจอื่น ๆ ได้เดินทางมายังหมู่บ้านและพบว่าบางส่วนของชาวบ้านได้หนีเข้าป่าไปแล้ว เพื่อหลีกหนี้กับกองโจรที่นำโดยเสือสัง ลูกน้องขวาของอัลฮาวียะลู โดยขุนพันธ์จึงช่วยชาวบ้านให้ขึ้นรถไฟของทหารญี่ปุ่นเพื่อหลบหนี แต่ทว่าทั้งหมดได้ถูกกองโจรนำพาไปตามทันที ขณะที่เข้าสู่การต่อสู้ ขุนพันธ์ได้สู้กับกองโจรก่อนที่จะเผชิญหน้ากับเสือสังบนหลังคารถไฟ ทำให้เสือสังถูกฆ่าตาย จากนั้น ขุนพันธ์และตำรวจอื่น ๆ ได้รวมตัวกันเพื่อกลับไปที่สโมสรงาช้างเพื่อเผชิญหน้ากับหลวงโอฬาร แต่ก่อนจะถึงที่หมาย กลุ่มของขุนพันธ์ได้ปะทะกับกองโจรของอัลฮาวียะลู ทำให้ตำรวจใต้ภูมือขุนพันธ์ ไข่โถและมาลัยถูกยิงตาย ส่วนหลวงโอฬารสามารถหนีไปได้ ต่อมา ขุนพันธ์ได้สู้กับอัลฮาวียะลูตัวต่อตัว และปฏิบัติตามสัญญาที่ให้กับพ่อของอัลฮาวียะลูที่เป็นการช่วยปลดปล่อยวิญญาณของอัลฮาวียะลู ก่อนที่จะทำการแทงอัลฮาวียะลูจนตาย เมื่อเวลาผ่านไป ขุนพันธ์ได้ติดตามและล่าหลวงโอฬารไปจนแทงตาย

Khunphan-09

ผมเข้าไปดูภาพยนตร์ชื่อ “ขุนพันธ์” โดยไม่คาดหวังอะไรมากมาย แต่พบว่ามันไม่แย่อย่างที่คิด ดีกว่าหนังไทยหลายเรื่องที่ผมเคยดูมา แม้ว่ามันยังไม่ได้ถึงระดับของคำว่าดีเด่นหรือยอดเยี่ยมเท่าไหร่ที่จะสามารถเป็นผลงานภาพยนตร์ที่เชิดชูแก่ประเทศไทยได้เต็มที่ สิ่งที่ผมจะชมสำหรับภาพยนตร์นี้คือการแสดงของ อนันดา และ น้อย วงพรู ซึ่งต้องยอมรับว่าพวกเขาแสดงบทอย่างลึกซึ้ง และมีความสามารถในการแสดงที่สามารถเข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ได้อย่างไม่ยากเย็น

ไฮไลท์ของหนังไทยเรื่องนี้

  1. หนัง “ขุนพันธ์” ไม่ได้เป็นภาพยนตร์ชีวประวัติที่เน้นการเล่าเรื่องของพลตำรวจตรี ขุนพันธรักษ์ราชเดช แต่มันเน้นไปทางด้านบู๊และการสร้างภาพอลังการที่มีความแฟนตาซีมากเกินไป มันเหมาะสำหรับการรับชมเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก
  2. ฉากในเรื่องราวนี้เน้นเรื่องความเชื่อในด้านไสยเวทย์และอาคมที่ต้องมีในบรรยากาศของหนัง ผู้กำกับได้ผสมผสานเรื่องนี้เข้ากับฉากต่อสู้อย่างลงตัว ซึ่งทำให้เราได้เห็นการใช้อาวุธสลับกับการใช้อาคมอย่างมีความเป็นศิลปะและเชิงจริงได้อย่างน่าทึ่งและมีความหมายสูงสุด
  3. นอกจากนี้ยังต้องชื่นชมการแสดงของ น้อยวงพรู ในบท อัลฮาวียะลู ในภาพยนตร์ขุนพันธ์ด้วย พี่เขาได้สร้างตัวละครตัวร้ายได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้เราได้สนุกและได้เห็นความซับซ้อนของตัวละครนี้ได้อย่างชัดเจนและน่าสนใจ การแสดงนี้ทำให้เราเชื่อมต่อกับตัวละครได้อย่างไม่ยากเลย และต้องยอมรับความคล่องตัวในบทที่เล่นของน้อยวงพรูด้วย

สรุปจากการดูขุนพันธ์

เมื่อเปรียบเทียบกับหนังไทยอื่น ๆ ของชาติเราได้เห็นว่าภาพยนตร์ขุนพันธ์นั้นมีความสนุกสนานและน่าสนใจได้ และในฉากหลังเครดิต เราเห็นขุนพันธ์นั่งพูดคุยกับเสือใบและขอให้เสือใบสละตัวเพื่อที่จะถูกจับได้ ซึ่งนี่เป็นตัวบ่งชี้ที่นำไปสู่เหตุการณ์ในภาคต่อไป ฉะนั้น ถ้าคุณยังไม่ได้ชมภาคแรกนี้ ขอแนะนำให้ลองดูก่อนที่จะตัดสินใจที่จะดูภาคต่อไป หากอยากเข้าใจเนื้อเรื่องอย่างเต็มที่ก่อนที่จะดูภาคต่อไปของเรื่องนี้

Categories