ครั้งนี้เรามาพบกับภาพยนตร์ไทยที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้คือ “ขุนพันธ์” ในภาคแรกของเรื่องนี้ ภาพยนตร์เรื่อง “ขุนพันธ์” เป็นหนังไทยที่เข้าฉายเมื่อปี พ.ศ. 2559 เรื่องราวนำเสนอชีวิตของขุนพันธ์รักษ์ราชเดช (บุตร พันธรักษ์) ผู้เป็นนายตำรวจที่มีความชำนาญในด้านการใช้เวทมนตร์อาคมเวทย์ และเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นอย่างเฉพาะเจาะจง การแสดงผลบนจอภาพยนตร์นั้นสร้างความตื่นเต้นและน่าติดตามอย่างมากในแง่ของการใช้เทคนิคและเครื่องมือวิเคราะห์สถานการณ์อย่างชาญฉลาดของตัวละครหลักได้อย่างมีคุณภาพและน่าทึ่งที่ไม่แพ้แม้แต่นักสืบระดับมืออาชีพเลยทีเดียว
เนื้อเรื่องของภาพยนตร์เริ่มต้นในปี พ.ศ. 2483 หลังจากเสือกรับคำทองสำเร็จแล้ว ร้อยตำรวจโท ขุนพันธรักษ์ราชเดชได้รับภารกิจที่ต้องไปสืบข่าวเกี่ยวกับอัลฮาวียะลู จอมโจรที่มีความสามารถในการแยกแยะดินแดนและครอบครอง “ไตรภาคี” ที่เชื่อว่ามีพลังพิเศษ ขุนพันธ์ได้ซึ่งตัวเข้าไปอยู่ในหมู่บ้านชาวประมงที่มีผู้นำคือ ไข่โถ และทำงานในสโมสรงาช้างของหลวงโอฬาร ข้าราชการผู้ฉ้อฉลที่หลอกใช้อัลฮาวียะลูเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของตนเอง อัลฮาวียะลูตั้งใจที่จะค้นหาตำรวจสองคนที่รอดชีวิตจากการโจมตีของกองโจรที่เป็นภารกิจของเขา ซึ่งพบว่ายังมีตำรวจคนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่นั้นด้วย ขณะที่ขุนพันธ์ไปพบกับพ่อของอัลฮาวียะลู เขาได้พบว่าในวัยเด็ก อัลฮาวียะลูเคยเคารพบิดาของตนเอง แต่สูญเสียแม่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างพ่อของเขากับตำรวจ ทำให้อัลฮาวียะลูเกลียดและห่างหายจากพ่อของเขาและมีความเกลียดชังต่อตำรวจมาก ดังนั้น เขาก็สร้างกองโจรขึ้นเพื่อครอบครองพื้นที่ในแถบเทือกเขาบูโด ในทางกลับมา ขุนพันธ์ไปพบกับมาลัย น้องสาวของไข่โถ ก่อนที่จะถูกกองโจรของอัลฮาวียะลูซุ่มโจมตี ขุนพันธ์ถูกยิงและหนีไปได้ไหม้เพื่อรอดชีวิตไปก่อนแต่เดียว
หลังจากฟื้นคืนจากบาดเจ็บ เมื่อขุนพันธ์ไปพบหลวงโอฬารที่สถานีตำรวจในฐานะสารวัตรคนใหม่ ขุนพันธ์สั่งให้หลวงโอฬารพักราชการในข้อหาที่ถูกสงสัยว่าเป็นผู้ฆ่าจริงๆ ของตำรวจและกองโจร หลวงโอฬารเสนอให้ขุนพันธ์หาหลักฐานที่จะยืนยันให้ได้ภายใน 3 วัน จากนั้น ขุนพันธ์ออกไปปราบชุมโจรต่าง ๆ และประกาศให้โจรทั้งหลายมาลงทะเบียนเลิกเป็นโจรและยอมจับตัวเอง ในขณะเดียวกัน ตำรวจใต้ภูมือขุนพันธ์ แจ้งว่ากองโจรของอัลฮาวียะลูกำลังล้างล้างหมู่บ้านชาวประมงที่เคยช่วยชีวิตขุนพันธ์ไว้ ก่อนที่ขุนพันธ์จะเข้าสู้กับบุหงา ลูกน้องของหลวงโอฬาร และใช้วิชาอาคมเพื่อค้นหาคำตอบจนพบว่า บุหงาต้องทำงานนี้เพราะเป็นหนี้ชีวิตของอัลฮาวียะลู นี่คือความเข้าใจของเหตุการณ์ในเรื่อง “ขุนพันธ์” ของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2483 ที่ได้ยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผลงานภาพยนตร์ไทยที่ทรงพลังและน่าติดตามอย่างมากในทุก ๆ ช่วงเวลา
ขุนพันธ์และตำรวจอื่น ๆ ได้เดินทางมายังหมู่บ้านและพบว่าบางส่วนของชาวบ้านได้หนีเข้าป่าไปแล้ว เพื่อหลีกหนี้กับกองโจรที่นำโดยเสือสัง ลูกน้องขวาของอัลฮาวียะลู โดยขุนพันธ์จึงช่วยชาวบ้านให้ขึ้นรถไฟของทหารญี่ปุ่นเพื่อหลบหนี แต่ทว่าทั้งหมดได้ถูกกองโจรนำพาไปตามทันที ขณะที่เข้าสู่การต่อสู้ ขุนพันธ์ได้สู้กับกองโจรก่อนที่จะเผชิญหน้ากับเสือสังบนหลังคารถไฟ ทำให้เสือสังถูกฆ่าตาย จากนั้น ขุนพันธ์และตำรวจอื่น ๆ ได้รวมตัวกันเพื่อกลับไปที่สโมสรงาช้างเพื่อเผชิญหน้ากับหลวงโอฬาร แต่ก่อนจะถึงที่หมาย กลุ่มของขุนพันธ์ได้ปะทะกับกองโจรของอัลฮาวียะลู ทำให้ตำรวจใต้ภูมือขุนพันธ์ ไข่โถและมาลัยถูกยิงตาย ส่วนหลวงโอฬารสามารถหนีไปได้ ต่อมา ขุนพันธ์ได้สู้กับอัลฮาวียะลูตัวต่อตัว และปฏิบัติตามสัญญาที่ให้กับพ่อของอัลฮาวียะลูที่เป็นการช่วยปลดปล่อยวิญญาณของอัลฮาวียะลู ก่อนที่จะทำการแทงอัลฮาวียะลูจนตาย เมื่อเวลาผ่านไป ขุนพันธ์ได้ติดตามและล่าหลวงโอฬารไปจนแทงตาย
ผมเข้าไปดูภาพยนตร์ชื่อ “ขุนพันธ์” โดยไม่คาดหวังอะไรมากมาย แต่พบว่ามันไม่แย่อย่างที่คิด ดีกว่าหนังไทยหลายเรื่องที่ผมเคยดูมา แม้ว่ามันยังไม่ได้ถึงระดับของคำว่าดีเด่นหรือยอดเยี่ยมเท่าไหร่ที่จะสามารถเป็นผลงานภาพยนตร์ที่เชิดชูแก่ประเทศไทยได้เต็มที่ สิ่งที่ผมจะชมสำหรับภาพยนตร์นี้คือการแสดงของ อนันดา และ น้อย วงพรู ซึ่งต้องยอมรับว่าพวกเขาแสดงบทอย่างลึกซึ้ง และมีความสามารถในการแสดงที่สามารถเข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ได้อย่างไม่ยากเย็น
เมื่อเปรียบเทียบกับหนังไทยอื่น ๆ ของชาติเราได้เห็นว่าภาพยนตร์ขุนพันธ์นั้นมีความสนุกสนานและน่าสนใจได้ และในฉากหลังเครดิต เราเห็นขุนพันธ์นั่งพูดคุยกับเสือใบและขอให้เสือใบสละตัวเพื่อที่จะถูกจับได้ ซึ่งนี่เป็นตัวบ่งชี้ที่นำไปสู่เหตุการณ์ในภาคต่อไป ฉะนั้น ถ้าคุณยังไม่ได้ชมภาคแรกนี้ ขอแนะนำให้ลองดูก่อนที่จะตัดสินใจที่จะดูภาคต่อไป หากอยากเข้าใจเนื้อเรื่องอย่างเต็มที่ก่อนที่จะดูภาคต่อไปของเรื่องนี้