แนะนำรีวิว หลานม่า หนังคืนฟอร์มของ GDH เรียบง่ายแต่ทรงพลัง

“หลานม่า (LAHNMAH)” คือภาพยนตร์ไทยในแนวครอบครัวและดราม่าที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ผลงานนี้คือการกลับมาของ GDH ที่จะทำให้คุณรู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหลแน่ๆ จนคุณอาจจะอยากบอกความรู้สึกดีๆ กับคนในครอบครัว เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวจริงที่เกิดขึ้นในหลายครอบครัว และยังเป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของบิวกิ้น พุฒิพงศ์ด้วย มีกำหนดเข้าฉายในวันที่ 4 เมษายน 2024 เป็นช่วงเวลาของเทศกาลเช็งเม้งและสงกรานต์ เรียกได้ว่าจัดเต็มเวลาฉายเพื่อต้อนรับทุกคนกลับบ้าน หลังจากดูหนังเรื่องนี้ รับรองว่าคุณจะอยากกลับไปหาคนที่บ้านแน่นอน

เปิดเรื่องมาที่ชีวิตของเอ็ม (รับบทโดยบิวกิ้น พุฒิพงศ์) เด็กหนุ่มที่ตัดสินใจดรอปจากมหาวิทยาลัย เพื่อทุ่มเทให้กับความฝันในการเป็นคาสเตอร์เกม แต่เส้นทางสู่ความฝันของเขานั้นไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด จนวันหนึ่ง เอ็มได้เห็นชีวิตการทำงานสบายๆ ของมุ่ย (รับบทโดยตู ต้นตะวัน) ลูกพี่ลูกน้องของเขา ที่ได้รับมรดกทั้งหมดจากการดูแลอากง เอ็มเริ่มแพลนที่จะรวยด้วยการอาสาดูแลอาม่า (รับบทโดยแต๋ว อุษา) ที่กำลังป่วยหนักด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย

จากเป้าหมายที่ต้องการเงินมรดก เอ็มกลับได้รับบทเรียนแห่งความรักและความหมายอันลึกซึ้งของคำว่า “ครอบครัว” ที่มีค่ามากกว่าเงินทุกสิ่ง การกลับไปอยู่กับอาม่าไม่เพียงแต่ทำให้เขาได้ค้นพบมุมมองใหม่ๆ ในชีวิต แต่ยังเป็นการเรียนรู้ว่าความรัก ความอบอุ่น และการเสียสละเป็นสิ่งที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ด้วยเงิน “Lahnmah” เป็นภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณหัวเราะ ร้องไห้ และหวนคิดถึงคำว่า “ครอบครัว” ผ่านการเดินทางของเอ็มที่เต็มไปด้วยความหวัง ความฝัน และการเปลี่ยนแปลง มันเป็นเรื่องราวที่ทุกคนในครอบครัวควรดูร่วมกันครับ

หลานม่า หนังครอบครัวที่ทำให้หัวใจลุ้นจนกระตุ้นต่อมน้ำตา

“คนที่กลับบ้านไปเมื่อไหร่ก็เจอ อาจไม่ได้อยู่รอเราตรงนั้นตลอดไป” นี่คือคำโปรยที่ทั้งเล่นกับใจและตรึงใจผู้ชม ซึ่งมาพร้อมกับภาพหนังที่อบอวลด้วยความรักและความอบอุ่นของครอบครัว นับเป็นหนึ่งในจุดดึงดูดที่ทำให้ผู้ชมอยากเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ จากโทนหนังที่ได้รับการบอกเล่าว่าเตรียมใจให้พร้อมเพราะเป็นหนังแนวครอบครัวที่จะทำให้ต่อมน้ำตาของคุณทำงานหนัก และคิดถึงคนที่บ้านเป็นอย่างมาก เชื่อว่าในรอบพิเศษกาล่าของหนัง “Lahnmah” ที่จัดขึ้นวันที่ 1 เมษายน บริษัท GDH ทุ่มเทสุดๆ มากจนผู้ที่ได้ไปชมกลับบ้านด้วยน้ำตาฉ่ำวาว รับรองได้ว่าคุณต้องร้องไห้จนโซซัดโซเซ เตือนไว้เลยว่าอย่าลืมพกทิชชู่ไปด้วยนะครับ เพราะคุณจะต้องใช้มันจริงๆ!

คนหนึ่งกับช่วงเวลาที่ต้องรอคอย

ตลอดเวลากว่า 2 ชั่วโมง บอกเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้คุณประทับใจมาก ๆ ครับ หนังถ่ายทอดความเรียบง่ายและความจริงใจของชีวิตผู้คนผ่านเรื่องราวของอาม่าที่อาศัยอยู่ในบ้านเก่า ๆ และคอยรอลูกหลานมาพบหน้ากันในช่วงเทศกาลที่สำคัญ ลูกหลานที่ต่างหางานทำ สร้างครอบครัวของตัวเองจนอาจละเลยใครบางคนที่อยู่รอคอยที่บ้าน

เมื่อทุกคนในครอบครัวมารวมตัวกันที่บ้านอาม่าในเทศกาลสำคัญ ภาพยนตร์ก็ทำให้เราได้เห็นถึงความอบอุ่นและความสุขที่ทำให้ทุกคนยิ้มออกมาไม่ยาก นอกจากนี้ บรรยากาศและธรรมชาติที่ปรากฏในหนังเป็นฉากหลังที่ทุกครอบครัวสามารถพบเห็นได้ ทำให้เรื่องราวดูใกล้ตัวยิ่งขึ้น แต่ก็ทิ้งคำถามไว้ว่า เวลาดี ๆ เหล่านี้จะดำเนินต่อไปอีกนานแค่ไหน หนังเรื่องนี้จะทิ้งให้คุณมีความทรงจำดี ๆ กลับบ้าน และคิดถึงคนที่คุณรัก

อีกหนึ่งหนังดีที่ทัชใจทุกครอบครัวได้

แม้ว่าภาพยนตร์จะเล่าเรื่องราวของครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน แต่ผมเชื่อว่าครอบครัวคนไทยทั่วไปสามารถเข้าถึงและกลายเป็นหนึ่งในตัวละครได้เหมือนกันครับ คุณอาจพบว่าตัวเองเป็นลูกชายคนโตที่มีชีวิตสุขสบาย, ลูกสาวคนกลางที่ต้องเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวสู้ชีวิต, ลูกชายคนเล็กที่อารมณ์ดีแต่ชีวิตอาจไม่ราบรื่น หลานชายที่อาจดูไม่เอาไรไหนแต่ดูแลอาม่าด้วยใจรัก หรืออาจเป็นอาม่าที่รอคอยวันที่ลูกหลานรวมตัวกัน ไม่ว่าคุณจะเห็นตัวเองอยู่ในตัวละครใดก็ตาม บทภาพยนตร์และบรรยากาศที่เล่าเรื่องไปนั้นอาจทำให้คุณอินและรู้สึกกับเรื่องราวจนน้ำตาไหลไม่รู้ตัว เรื่องราวถูกนำเสนออย่างเข้าถึงใจ และทำให้หลายคนสามารถหาจุดที่ตนเองสัมผัสได้ เป็นภาพยนตร์ที่พาให้เราได้รู้สึกถึงคุณค่าและความหมายของครอบครัวอย่างลึกซึ้ง

ความเข้ากันของเคมีสองนักแสดง

ความสัมพันธ์ระหว่างเอ็ม ผู้เป็นหลานรับบทโดยบิวกิ้น พุฒิพงศ์ กับอาม่ารับบทโดยยายแต๋ว อุษา ได้ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่ารักมากครับ แม้จะมีความแตกต่างทางอายุกว่า 50 ปี แต่พวกเขาก็สามารถอยู่ร่วมกันและสร้างโมเมนต์ที่ทำให้ทุกคนที่ดูหัวเราะและยิ้มไปกับการต่อปากต่อคำของพวกเขาได้อย่างยอดเยี่ยม

การสื่อสารและเคมีที่เกิดขึ้นระหว่างอาม่าผู้มีสายสตรองและหลานชายผู้ขี้กวนนั้นช่างเป็นภาพที่น่ารักและทำให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่นใจ มันเหมือนกับได้เห็นความเหงาของทั้งคู่ถูกทำลายไปด้วยการอยู่ด้วยกันทุกวัน และสร้างวันที่มีความสุขให้กับทั้งคู่ ฉากต่างๆ ที่พวกเขาได้สร้างวันดีๆ ร่วมกันนั้น กลายเป็นหนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ “LAHNMAH” เป็นภาพยนตร์ที่ใครหลายคนต้องชื่นชมและจดจำ

หนังที่ไม่หวือหวา เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยทรงพลัง

ผู้ชมอาจคาดเดาได้ว่าภาพยนตร์จะนำพาพวกเขาไปพบกับเรื่องราวอะไร แต่สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่าจดจำคือ วิธีการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยความรู้สึกจริงใจและความเรียบง่ายที่มีพลังอย่างน่าประหลาดใจ นี่คือสิ่งที่ค่อย ๆ ซึมเข้าไปในจิตใจผู้ชม พาให้พวกเขาติดตามอารมณ์และเดินทางไปกับตัวละคร จนต้องหยิบทิชชู่ขึ้นมาซับน้ำตา เป็นฉากและซีนที่ทำให้คุณรู้สึกอึนๆ ในใจ อาจไม่ถึงกับร้องไห้เสียงดัง แต่รับรองว่าคุณจะไม่สามารถควบคุมน้ำตาได้แน่นอน

ทั้งหมดนี้ถูกผสมผสานอย่างลงตัว เรียกได้ว่าเป็นหนังแนวครอบครัวที่สามารถสร้างความรู้สึกหลากหลายให้กับผู้ชม จากความอบอุ่นของครอบครัว ไปจนถึงความอ่อนไหวที่แฝงอยู่ในความเรียบง่าย นี่คือเรื่องราวที่ทุกๆ คนควรได้ดู และเตือนใจเราถึงความสำคัญของคนที่เรารักในชีวิตจริง

โดยรวมของหนังเรื่องนี้

“หลานม่า” ด้านคะแนนรีวิวจากผม ต้องให้เต็ม 10/10 เป็นภาพยนตร์ครอบครัวที่เราไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ ในวงการหนัง กับการกลับมาครั้งใหญ่ที่ตรงตามเอกลักษณ์ของ GDH ต้องบอกเลยว่าทีมผู้สร้างทำงานกันอย่างเต็มที่ สมกับที่ทุ่มเทเวลากว่า 3 ปีในการฟูมฟักโดยผู้กำกับ พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความเรียบง่ายแต่ส่งมอบความทรงพลังได้อย่างน่าทึ่ง ผมขอแนะนำอย่างยิ่งว่าคุณควรไปดู “หลานม่า” ที่โรงภาพยนตร์ วันที่ 4 เมษายน 2567 นี้