เป็นเรื่องที่ถูกโต้แย้งมานานตั้งแต่ทรายเลอร์ของ “อาบัติ” ถูกปล่อยออกมาใหม่ๆ ว่าควรหรือไม่ควร ดูหมิ่นหรือทำลายศาสนาหรือไม่ และมิหนำซ้ำ ก่อนที่จะมีการฉายรอบสื่อมวลชนเพียงหนึ่งวัน หนังก็ถูกกระทรวงวัฒนธรรมถอดออกจากโปรแกรมฉายอย่างกะทันหัน ทำให้กระแสความคิดเห็นโกรธระลึกขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม ค่ายภาพยนตร์ “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บาแรมยู” ซึ่งเป็นผู้ผลิต ต้องประสบกับการต่อสู้ใจขาดดิ้น ในที่สุด “อาบัติ” ก็ได้กลับมาฉายตามปกติ รอบแรกคือรอบ 20.30 น. ของคืนวันที่ 16 ตุลาคม (จากกำหนดการเดิมคือ 15 ตุลาคม) โดยเนื้อหาที่ล่อแหลมถูกตัดออกไปนิดหน่อย (เพียงแค่ 2-3 นาที) และไม่ใช่เนื้อหาสำคัญต่อเส้นเรื่องมากนัก เปลี่ยนชื่อเป็น “อาปัติ” และตั้งเรทอายุ 18+ สำหรับผู้ชม
ซัน (ชาลี ไตรรัตน์ หรือ แน็ค แฟนฉัน) เป็นเด็กหนุ่มวัย 19 ปีที่ถูกพ่อบังคับให้มาบวชเณรที่วัดในต่างจังหวัดโดยที่เขาไม่เต็มใจ ในขณะที่เขาอยู่ที่วัด เขาได้รับการดูแลจากหลวงพี่ทิน (กิก ดนัย จารุจินดา) ซึ่งเป็นเสมือนพระพี่เลี้ยงที่ดูแลเขาตั้งแต่วันแรกของการเข้าวัดนั้นๆ ไว้ใจดูแลตลอดเวลา
ซันไม่ต้องการเข้าสังคมกับเณรรูปอื่นที่วัด ดังนั้นเขาขอให้พระอาจารย์ (หนุ่ม อรรถพร ธีมากร) พาเข้าพระกราบอยู่กุฎิร้างที่หลังวัด ที่มีคนมาน้อยและห่างจากความเจริญของชุมชนมานานแล้ว ในสถานที่นั้นมีเพียงคนบ้าบางคน (เอก สรพงศ์ ชาตรี) ที่อาจจะมาพักผ่อนใต้ถุนกุฏิและลอบขโมยอาหารวัดเพื่อการดำรงชีวิตของตน
ต่อมา ซันได้รู้จักกับ ฝ้าย (พลอย ศรนรินทร์) เด็กสาวชาวบ้านที่อาศัยอยู่กับยาย ทั้งสองตกหลุมรักกัน ซึ่งนำพาพวกเขาไปสู่การพัวพันกับเหตุการณ์ลึกลับที่ถูกปกปิดไว้ภายในวัดมานานนับปี ทั้งเรื่องราวความสัมพันธ์ของสีกาพิน (พิม พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) กับพระภิกษุในวัด การเผชิญหน้ากับผีเปรตที่ตามมาขอส่วนบุญ รวมถึง “กรรม” ที่พวกเขากระทำกันขึ้นมาเอง
ที่คุณมีความสัมพันธ์กับศาสนาโดยเริ่มต้นจากการรับรู้ศาสนาผ่านสื่อเสริมศาสนา เช่น ภาพยนตร์ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสนใจและความกระตือรือร้นในการสำรวจและเข้าใจศาสนาของตนเอง แม้จะไม่มีโอกาสได้สัมผัสหรือทบทวนเนื้อหาพุทธศาสนาโดยตรงในช่วงมหา’ลัย การเข้าถึงผ่านสื่อเสริมศาสนาก็เป็นทางเลือกที่ดีที่ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและสัมพันธ์กับศาสนาของคุณได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีความผูกพันกับวัดหรือกิจกรรมศาสนาในระดับสูง เราเชื่อว่าการสนุกสนานและสะท้อนให้ได้ถึงความหมายของศาสนาผ่านสื่อต่าง ๆ อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณในการศึกษาและเข้าใจพุทธศาสนามากขึ้นได้ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการค้นพบและเข้าใจเรื่องราวและหลักการในศาสนาของคุณให้มากยิ่งขึ้นด้วยความสนุกสนานและความเป็นส่วนตัวของคุณเองครับ
โดยรวมแล้ว เราคิดว่าหนัง “อาปัติ” สอนเรื่อง “กรรม” ทั้งรูปธรรมและนามธรรมให้ทั้งตัวละครและคนดูเห็นได้รู้แจ้งเห็นจริงในระดับหนึ่ง แถมยังดูเพลินๆ อีกด้วย ถือเป็นหนังไทยเรื่องหนึ่งที่บทดีเลยทีเดียว เรื่องราวมีความสอดคล้องและปะติดปะต่อกันอย่างโอเค ไม่มีช่องโหว่หรือจุดที่ไม่สมเหตุสมผลเลย สำคัญที่สุดคือเรื่องราวยังชวนให้คิดตามตลอดเรื่องด้วยความตื่นเต้น
ตามมาตรฐานหนังผีไทย พาร์ทผีใน “อาปัติ” จัดว่าน่ากลัวอย่างไม่น้อย เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเรื่องผีเปรตของส่วนบุญซึ่งไม่ได้เยอะเท่าที่คิด แต่ผีอื่นๆ ที่ไม่รู้จักมาเพื่อเหตุผลใดนั้นสิน่งความกลัวและมาหาตัวละครบ่อย มีฉากที่สะดุ้งให้รู้สึกได้ชัดเจนเลย อาจจะเป็นเพราะเสียงประกอบบางส่วนที่ชวนให้เราเหม่อลอยไปก่อนที่จะมีภาพ แต่ส่วนที่ทำให้เราสนุกอย่างแท้จริงคือการถูกหนังหลอก การที่เราเดาเรื่องแทบไม่ถูกจนเราเลิกเดา หนังนี้มีความสามารถในการหลอกลวงผู้ชมอย่างมากและบางฉากก็สะดุ้งเป็นคลื่นอาฟเตอร์ช็อคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในเรื่อง “อาปัติ” จุดพีคสำคัญอยู่ที่กุฏิที่เณรซันใช้เป็นสถานที่จำวัดอยู่ เพราะกุฏินี้เป็นจุดรวมของเรื่องทั้งหมดในหนัง ทั้งผี ทั้งเรื่องเปรต ทั้งตัวละครที่ดีและคนบ้า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับความลับของวัดนี้ ทำให้เป็นจุดสำคัญที่เป็นหัวใจของเรื่องนี้ เรื่องจะดำเนินต่อไปอย่างไรและจบลงอย่างไหน จะต้องรอดูเองเพราะส่วนผมไม่สามารถเปิดเผยได้นะครับ แต่สิ่งที่แน่นอนคือเรื่องนี้จะทำให้คุณสนุกตื่นเต้นมากกว่าที่ผมเล่ามา และผมอยากบอกว่าเนื้อเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวอย่างหนังที่ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้เล่า เช่น ไม่มีฉากที่อาจจะเป็นเรท x หรือเรต R เลย และผมไม่แน่ใจว่าเพราะฉากที่หนักแรงๆถูกตัดออกไปก่อนหน้านี้เพื่อให้หนังสามารถฉายได้หรือไม่ แต่คุณสามารถตัดสินเองได้เมื่อคุณได้รับชมเองครับ บอกเลยว่าคุณจะรู้สึกสนุกสนานอย่างแน่นอน และผมยังหวังว่าสิ่งนี้จะทำให้คุณดูหนังมีความสุขมากขึ้นด้วยครับ หวังว่าคุณจะได้สนุกกับการรับชมหนังอย่าง “อาปัติ” นี้ให้เต็มที่
เรื่องนี้เหมือนกับหนังไทยคุณภาพที่คนไทยหรือชาวพุทธทุกคนควรดูแน่นอน ถ้าไม่สนับสนุนหนังแบบอาปัติ ประเทศไทยอาจจะเต็มไปด้วยหนังรักกุ๊กกิ๊กหรือหนังแต๋วแตกที่มีการผลิตออกมาเพื่อบริโภคในการผ่อนคลายในชีวิตประจำวัน เพียงเท่านั้นแหละ เราควรมองหาหนังที่มีคุณค่าที่เสนอให้เราได้เรียนรู้และสะท้อนตัวตนของวัฒนธรรม ชาติพันธุ์ และศาสนาของเราอย่างมีความหมาย นอกจากนี้ การสนับสนุนหนังที่มีคุณภาพเช่น “อาปัติ” ยังเป็นการส่งเสริมให้วงการภาพยนตร์ไทยมีความหลากหลายและก้าวไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพขึ้นไปในที่สุด การมองหาคุณภาพในหนังและการสนับสนุนผลงานที่มีคุณค่าจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราควรทำเพื่อให้วงการภาพยนตร์ไทยเติบโตและเจริญเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้นในอนาคต
แอดว่าอาบัตินี่โอเคเลยสำหรับหนังไทยที่ถูกจำกัด creativity อย่างนี้นะ ชมรมไดโนเสาร์ขนาดนี้เลยล่ะ เราคิดว่าควรสนับสนุนให้มีหนังที่สะท้อนความจริงของสังคมแบบนี้ออกมาอีกเรื่อยๆ มันจะช่วยสร้างสังคมที่ดีขึ้นได้นะ ไม่ทำลายสักกะนิดเลยล่ะ ไปดูเถอะ ไปดูกันที่ oldthaitv.com แหล่งรวมหนังไทยเก่า และหนังดังต่างๆ สำหรับเรื่องนี้ คะแนนตามความชอบส่วนตัว 7/10